เคยไหม… แค่จะสั่งเสื้อยืดใส่ทีม หรือทำแบรนด์เล็ก ๆ สักตัว
เจอคำศัพท์ที่ร้านพูดมาแล้วงงทั้งหัว?
“DTG”, “Flex”, “Silk”, “Mockup”, “DPI”… ฟังแล้วมึน!
ไม่เป็นไรครับ
บทความนี้เราจะไม่สอนลึกแบบวิศวกรสิ่งทอ
แต่จะช่วยให้คุณเข้าใจพอจะคุยกับร้านสกรีนเสื้อได้ “รู้เรื่อง”
แถมทำให้สั่งงานได้ง่ายขึ้น — ไม่พลาด ไม่ต้องแก้งานบ่อย ๆ
พิมพ์ลายลงเสื้อโดยตรง – เหมาะกับงานภาพละเอียด สีเยอะ
พิมพ์ลงฟิล์ม แล้วรีดลงเสื้อ – เหมาะกับงานจำนวนน้อย และสีสด
สกรีนแบบตัดแผ่นรีด – ใช้กับตัวหนังสือ หรือชื่อเฉพาะรายตัว
ระบบสกรีนแบบดั้งเดิม – คุ้มเมื่อสั่งจำนวนมาก แต่ลายไม่ควรซับซ้อน
แบบจำลองเสื้อที่มีลายใส่ไว้ – ใช้ดูตำแหน่ง / ขนาด / ความสมจริงก่อนผลิตจริง
ค่าความละเอียดของไฟล์ภาพ – ควรใช้ 300 DPI ขึ้นไป ไม่งั้นภาพอาจแตกตอนพิมพ์
รหัสเฉดสีมาตรฐาน – ใช้ระบุสีให้ตรง ไม่ใช้คำลอย ๆ เช่น “ฟ้าเข้ม”
อุปกรณ์สกรีนที่ทำเฉพาะแต่ละลาย – มีค่าใช้จ่ายแยก และไม่เหมาะกับงานน้อยชิ้น
S / M / L / XL อาจดูเหมือนรู้กันอยู่แล้ว
แต่บางร้านใช้ไซซ์แตกต่าง เช่น USA Size ใหญ่กว่าไซซ์ไทย
ขั้นตอนตรวจสอบคุณภาพก่อนส่ง – ถ้าร้านไม่มี QC เสี่ยงงานพลาด
ร้านสกรีนเสื้อ
เพราะร้านสกรีนเสื้อบางที่ “ไม่ได้อธิบาย” แต่พูดตรง ๆ เลย
คนที่เข้าใจคำพวกนี้ จะคุยกับร้านได้เร็วขึ้น สั่งงานได้แม่นขึ้น
ยิ่งคุณสื่อสารแม่น งานยิ่งออกมาดี และลดความผิดพลาดที่แก้ลำบากทีหลัง
มีร้านที่ให้บริการแบบดูแลตั้งแต่ไฟล์ต้นฉบับ ไปจนถึง QC
เช่น ร้านสกรีนเสื้อ ที่ให้คำแนะนำแม้คุณไม่มีพื้นฐาน
ช่วยปรับไฟล์ วางลาย ส่ง mockup ตรวจไซซ์ QC ก่อนส่งจริงทุกตัว
ไม่ต้องเป็นมือโปรก็สั่งเสื้อได้
แค่รู้คำศัพท์เบื้องต้น ก็สื่อสารกับร้านได้แบบเข้าใจตรงกัน
คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง —
แต่รู้แค่ “จุดสำคัญ” จะช่วยให้คุณประหยัดทั้งเวลา แก้งาน และงบที่อาจบานปลาย